วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ประโยชน์ต้นตาล


ประโยชน์ของต้นตาล





ประโยชน์ของต้นตาลหลักๆ แล้วจะนิยมนำมาใช้ประกอบอาหารและใช้ในงานหัตถกรรมต่างๆ และอาจมีการนำไปใช้ทางยาสมุนไพรบ้าง โดยต้นตาลนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สายพันธุ์หลักๆ ได้แก่
  • ตาลบ้าน เป็นตาลที่มีจำนวนของเต้าจาวในแต่ละผลประมาณ 1-4 เต้า และยังมีสายพันธุ์ย่อยอีก 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ตาลหม้อ (ผลใหญ่ ผิวดำคล้ำ), ตาลไข่ (ผลเล็กกว่า ผลมีสีขาวเหลือง), และตาลจาก (มีผลในทะลายแน่นคล้ายกับทะลายจาก)
  • ตาลป่า หรือ ตาลก้านยาว ชนิดนี้จะมีผลเล็ก มีผลเขียวคล้ำ มีเต้าอยู่ 1-2 เต้า มีลำต้นเขียวสดและก้านใบยาว และไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก
  • ต้นตาล หรือ ต้นตาลโตนด เป็นปาล์มต้นเดี่ยวที่มีความสูงชะลูด มีลำต้นใหญ่และเนื้อแข็งแรงมาก และเป็นปาล์มที่แยกเพศกันอยู่คนละต้น มีลำต้นขนาดประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีความสูงของต้นได้ถึง 25-40 เมตร ลำต้นเป็นเสี้ยนสีดำและแข็งมาก แต่ไส้กลางของลำต้นจะอ่อน ส่วนบริเวณโคนต้นจะมีรากเป็นกลุ่มใหญ่ ในขณะที่ต้นยังเตี้ยจะมีทางใบแห้งและติดแน่น เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนและระบายน้ำได้ดี มัความชื้นปานกลาง ไม่ชอบอากาศเย็น ชอบแดสงแดดจัด ทนต่อดินเค็ม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด การย้ายไปปลูกต้นจะไม่รอด เพราะรากแรกที่แทงลงดินอยู่ลึกมาก หากรากแรกขาดก็จะตายทันที
  • ใบตาล ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกัน ลักษณะค่อนข้างกลมคล้ายพัด มีความกว้างประมาณ 1-1.5 เมตร แผ่นใบหนามีสีเขียว ปลายใบเป็นจักลึกถึงครึ่งแผ่นใบ ส่วนก้านใบหนามีสีเหลืองเป็นทางยาวประมาณ 1-2 เมตร และขอบของทางก้านทั้งสองข้าง จะมีหนามแข็งคล้ายฟันเลื่อยแข็งๆ สีดำและคมมากอยู่ตามขอบก้านใบ ส่วนโคนก้านจะแยกออกจากกันคล้ายกับคีมเหล็กโอบหุ้มลำต้นเอาไว้
  • ดอกตาล ดอกมีสีขาวอมเหลือง ออกดอกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงระหว่างกาบใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ต่างต้นกัน ช่อดอกมีดอกอยู่่อละ 8-16 ดอก เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีความกว้างประมาณ 5 เซนติเมตร[1] ช่อดอกเพศผู้ใหญ่จะรวมกันเป็นกลุ่มๆ คล้ายนิ้วมือ หรือเรียกว่า “นิ้วตาล” โดยแต่ละนิ้วจะมีความยาวประมาณ 40 เซนติเมตร และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ที่โคนกลุ่มช่อจะมีก้านช่อรวมและมีกาบแข็งๆ อยู่หลายกาบหุ้มโคนก้านช่ออีกทีหนึ่ง ส่วนช่อดอกเพศเมียก็คล้ายกับเพศผู้ แต่ลักษณะของนิ้วจะเป็นปุ่มปม โดยปุ่มปมคือดอกที่ติดนิ้วตาล ในดอกหนึ่งๆ จะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร และมีกาบแข็งๆ หุ้มอยู่ในแต่ละดอก โดยกาบนี้จะเจริญเติบโตไปเป็นหัวจุกลูกตาลอีกทีหนึ่ง[3]
  • ลูกตาล ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ผลติดกันเป็นกลุ่มแน่น ลักษณะของผลเป็นทรงกลมหรือเป็นรูปทรงกระบอกสั้น ผลเป็นเส้นใยแข็งเป็นมัน มักมีสีน้ำตาลถึงสีม่วงเข้ม ปลายผลมีสีเหลือง หรือมีสีเหลืองแกมดำคล้ำเป็นมันหุ้มห่อเนื้อเยื่อสีเหลืองไว้ภายใน ผิวผลเป็นมัน และผลมีขนาดประมาณ 15-20 เซนติเมตร เมื่อผลสุกแล้วจะมีสีดำ ซึ่งในผลหนึ่งๆ จะมีเมล็ดใหญ่และแข็งอยู่ประมาณ 1-3 เมล็ด (จาวตาล) ซึ่งจะถูกหุ้มด้วยใยและเนื้อผลสีเหลืองสด

    สรรพคุณของตาล


  1. สำหรับบางคนใช้เป็นยาชูกำลัง (รากต้มกับน้ำดื่ม)
  2. ช่วยทำให้สดชื่น จิตใจแจ่มใสเบิกบาน ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม  หรือจะใช้งวงตาลหรือช่อตาลก็ได้
  3. จาวตาลมีฟอสฟอรัสสูง จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงได้ (จาวตาล
  4. ช่วยแก้ไข้ ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ราก)ส่วนรากที่งอกอยู่เหนือดิน (ตาลแขวน) มีรสหวานเย็นปนฝาดเล็กน้อย ใช้เป็นยาแก้ไข่ที่มีพิษร้อน
  5. รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม แก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ
  6. กาบหรือก้านใบสดนำมาอังไฟบีบเอาแต่น้ำใช้อมรักษาอาการปากเปื่อยได้ (กาบใบ,ก้านใบสด)ช่วยแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ (รากต้มกับน้ำ)
  7. ใบนำมาคั่วให้เหลืองแล้วนำมาบดจนเป็นผง ใช้สูบหรือเป่า มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต
  8. ช่วยขับเลือด (รากต้มกับน้ำดื่
  9. ช่วยแก้ตานขโมยในเด็ก (งวงตาลหรือช่อตาล,ราก
  10. กาบหรือก้านใบสดนำมาอังไฟแล้วบีบเอาน้ำมากินแก้อาการท้องเสีย ท้องร่วงได้ (กาบใบ,ก้านใบสด)
  11. รากตาลหรืองวงตาลนำมาต้มกัลน้ำดื่ม สรรพคุณช่วยขับพยาธิได้ (งวงตาล,ราก)
  12. ใช้รากหรืองวงตาลนำมาต้มกับน้ำดื่มแก้พิษตานซางได้ (งวงตาล,ราก) หรือจะใช้รากที่งอกอยู่เหนือดินที่เรียกว่า “ตาลแขวน” ก็แก้พิษซางตานได้ดีเช่นกัน
  13. ใบตาล สรรพคุณช่วยแก้อาการกระสับกระส่ายของสตรีหลังคลอดบุตร 
  14. เปลือกตาลหรือส่วนที่เป็นกะลา มีการนำมาไปใช้เป็นส่วนประกอบของยาแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (เปลือกตาลหรือกะลา) ส่วนช่อดอกตัวผู้ ยังมีการนำมาใช้เป็นส่วนผสมเพื่อต้มเป็นยาบำรุงกำลังอีกด้วย

       สารพัดประโยชน์จากตาล



ลูกตาล


ลูกตาลลอยแก้ว


    
 น้ำตาลปึก



ตาลกะทิสด



ใส่น้ำแดงเฮลบลูบอย ใส่น้ำแข็ง



          


ตาลลอยแก้ว



ลูกตาลอ่อนที่เฉาะไม่ได้ ก็นำมาตัดหัวตาลออก ใช้หัวแม่มือค่อยๆดุนเนื้อและน้ำ ออกมาใส่ปากทันที อร่อยมาก เปลือกก็ใสปากไปด้วยเลย ส่วนหัวอ่อนส่วนบนที่ตัก ก็นำไปต้มจิ้มน้ำพริก หรือหั่นบางๆ ต้มไว้แล้วแกงหัวตาล อาหารโบราณอร่อยเยี่ยม


เปลือกสด นำไปเพาะเห็ดตาล



น้ำตาลสด แช่เย็นหรือใส่น้ำแข็ง อากาศร้อนๆ ชื่นใจมากๆ




น้ำตาลปึก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น